วิธีทำให้ ผมนุ่มลื่น ไม่มัน
1.เลือกใช้แชมพู ที่ปราศจากซิลิโคนและครีมบำรุงผมที่ทำให้ผมนุ่ม
เส้นผมจะนุ่มลื่นได้นั้น ต้องเริ่มต้นจากการใช้แชมพูและครีมบำรุงผมที่เหมาะสมเสียก่อน อันดับแรกเราควรมองหาผลิตภัณฑ์สูตรที่เหมาะกับสภาพเส้นผมของเรา และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สูตรที่มีคุณสมบัติที่ช่วยทำให้ผมนุ่มลื่นรวมอยู่ด้วย
โดยเฉพาะแชมพูที่ปราศจากซิลิโคน เป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ผมมันช้าลง และครีมบำรุงสูตรที่ทำให้ผมนุ่มส่วนใหญ่ สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ว่ามักจะมีส่วนผสมของน้ำมันชนิดต่าง ๆ เช่น อาร์แกนออยล์ หรือ นูทริ ออยล์ เป็นต้น ซึ่งน้ำมันเหล่านี้จะช่วยให้ผมนุ่มลื่นจัดทรงง่ายและลดผมชี้ฟู และหลีกเลี่ยงการใช้ครีมนวดบนหนังศีรษะ
- แนะนำ ลอรีอัล ปารีส เอลแซฟ เอ็กซ์ตรอว์ดินารี่ ออยล์ แชมพู และคอนดิชันเนอร์ สมูท
แชมพูและคอนดิชันเนอร์ ที่ผสานด้วยคุณค่าน้ำมันสกัดจากเฟรนช์ แอมเบอร์ ซีดาร์ วู้ด ช่วยฟื้นบำรุงเกล็ดผมที่ถูกทำลาย ให้ผมเรียบลื่น นุ่มสลวยดุจแพรไหม ไม่พันกันจากโคนจรดปลาย
2. ปกป้องเส้นผมให้ไม่แห้งเสียจากความร้อน
ความร้อนเป็นตัวการทำผมแห้งเสีย ทุกครั้งที่จัดแต่งทรงผม ไม่ว่าจะไดร์ผม หนีบผม หรือม้วนลอน ต้องอย่าลืมปกป้องเส้นผมจากความร้อน แนะนำว่าให้ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันผมจากความร้อน อย่าง เซรั่มบำรุงผมกันความร้อนจะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันไม่ให้ผมสัมผัสกับความร้อนโดยตรง และช่วยบำรุงเส้นผมให้ชุ่มชื่น จัดทรงง่าย อยู่ทรงตลอดวัน บางสูตรมีการเพิ่มกลิ่นหอม ก็ช่วยให้ผมหอมยาวนานขึ้นด้วย
3. ซ่อมแซมความเสียหายที่มองเห็นได้
เพราะ “ผมสุขภาพดี = ผมนุ่มลื่น” ฉะนั้นความเสียหายของเส้นผมที่มองเห็นได้ ไม่ว่าจะเป็น ผมแห้งเสีย หรือ ผมแตกปลาย จึงควรได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด ซึ่งเราสามารถซ่อมแซมให้เส้นผมกลับมาแข็งแรงและสุขภาพดีได้ง่าย ๆ โดยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นบำรุงเส้นผมนั่นเอง
4. เพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผม
เมื่อซ่อมแซมความเสียหายที่มองเห็นได้ไปแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็คือการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม โดยการหมักผมด้วยครีมนวดที่สามารถบำรุงได้ล้ำลึก เช่น ทรีตเมนต์มาส์ก หรือสูตรหมักผมจากธรรมชาติร่วมด้วยอาทิตย์ละครั้งก็ได้ ซึ่งถือตัวช่วยที่ดีอีกอย่างหนึ่งที่จะให้ช่วยผมนุ่มสวยมากขึ้นได้
สูตรบำรุงผมให้ผมนุ่มสลวยจากธรรมชาติ
- สูตรที่ 1: อะโวคาโด + กล้วย
ใช้อะโวคาโดบดกับกล้วยหอมให้ละเอียดแล้วนำไปหมักผมทิ้งไว้ประมาณ 1 ชม. ก่อนล้างออกให้สะอาด
- สูตรที่ 2 : อะโวคาโด + ไข่แดง
ใช้อะโวคาโดบดให้ละเอียดผสมกับไข่แดงจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกันแล้วใช้หมักผม ทิ้งไว้นานประมาณ 30 นาที ก่อนสระผมด้วยแชมพูให้สะอาด
มายองเนสแท้ทำจากไข่แดงและน้ำมัน จึงสามารถช่วยบำรุงผมให้นุ่มและเงางามขึ้นได้ นำมายองเนสมาหมักผมประมาณ 30 นาที ควรสระผมด้วยแชมพู เพื่อขจัดความมันและความคาวของมายองเนสออกจากเส้นผม
เจลาตินช่วยเติมโปรตีนและเพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผม ทำให้ผมนุ่มลื่นขึ้นได้ ผสมเจลาตินแบบไม่เติมสีหรือกลิ่นกับน้ำอุ่น ในอัตราส่วน 1:1 (เช่นเจลาติน 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่นจัด 1 ช้อนโต๊ะ) คนให้ละลายแล้วนำมาหมักผม ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีก่อนสระผมให้สะอาด
การเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม นอกจากจะช่วยทำให้ผมนุ่มลื่นมากขึ้นแล้ว ยังช่วยลดปัญหาผมหยาบกระด้าง ผมชี้ฟู และผมเปราะขาดได้ง่ายอีกด้วย
5. บำรุงผมด้วยน้ำมันหรือเซรั่มบำรุงผม
ถึงแม้ว่าเส้นผมของคุณจะดูสุขภาพดีอยู่แล้ว แต่คุณก็ยังสามารถบำรุงผมเพิ่มเติมด้วยน้ำมันชนิดต่าง ๆ ได้อีก เช่น น้ำมันมะพร้าว หรือ อาร์แกนออยล์ เป็นต้น เพราะน้ำมันบำรุงผมเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความเงางามให้กับเส้นผมอย่างเป็นธรรมชาติ และทำให้เส้นผมของคุณดูนุ่มลื่นมากขึ้นด้วย แต่ถ้ามีเวลาหน่อยก็หมักผมด้วยก็ดี จะใช้เป็นน้ำผึ้งหมักก็ได้ หรือจะหมักด้วยพวกมาส์กก็ได้
- แนะนำ ลอรีอัล ปารีส เอลแซฟ เอ็กซ์ตรอว์ดินารี่ ออยล์ เซรั่ม-วิท 6 พรีเชียส ฟลอรัล ออยล์
ผลิตภัณฑ์ออยล์ทรีทเมนท์บำรุงผม เซรั่มบำรุงผม เพื่อผมเรียบลื่น นุ่มสลวยเจิดจรัสถึงขีดสุด ผมสวยสมบูรณ์แบบในทุกวัน ด้วยคุณค่าสารสกัดและน้ำมันดอกไม้ 6 ชนิด ดอกบัว, ดอกพุดซ้อน กุหลาบ ต้นปอ,คาโมมายล์ ดอกทานตะวัน เซรั่มเนื้อบางเบา บำรุงผมล้ำลึก เรียบลื่น และเงางามขึ้นกว่า 200% พร้อมลดผมชี้ฟูถึง 59% กลิ่นหอมยาวนาน 24ชม.
6. กำจัดผมแตกปลาย
ผมที่แตกปลาย เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผมแห้ง ไร้ชีวิตชีวา และยิ่งถ้าปล่อยไว้ไม่รักษา ก็ยิ่งจะสร้างความเสียหายให้เส้นผมได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นหากใครที่อยากจะมีผมนุ่มลื่น ก็ควรที่จะตัดส่วนปลายบริเวณที่แตกออก เพื่อไม่ให้ส่วนที่แตกปลายยาวขึ้นไปเรื่อย ๆ ไปทางโคนผม และจะไปทำให้ผมชี้ฟูมากขึ้น
ผมที่นุ่มลื่นดุจแพรไหม ไม่ยากอย่างที่คิด! เพียงทำตามวิธีข้างต้น คุณก็สามารถมีผมนุ่มลื่นเงางามอย่างเป็นธรรมชาติได้ง่าย ๆ พร้อมเส้นผมที่แข็งแรงและมีสุขภาพดีในระยะยาวอีกด้วย ขอขอบคุณบทความดี ๆ จาก allthingshair.com สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้
ที่นี่