‘Glycolic Acid’ ส่วนผสมที่กำลังจะมาแรง
ส่วนผสมที่กำลังจะมาแรงในตอนนี้ คงจะหนีไม่พ้น กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินกันมาบ้าง เพราะ ไกลโคลิค เป็นส่วนผสมช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน แบบไม่ต้องพึ่งเม็ดสครับกันเลยทีเดียว ใครที่อายุเพิ่มขึ้นแล้วเริ่มมีปัญหาผิวแห้ง ไกลโคลิคเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ
มาทำความรู้จักกับ Glycolic Acid
Glycolic Acid จัดอยู่ในกลุ่มกรดอัลฟาไฮดร็อกซี่ (AHA) นิยมใช้ในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพราะมีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุด จึงซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย เห็นผลได้ดี ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่เกาะอยู่บนผิวของเราให้หลุดออกง่ายขึ้น จากนั้นผิวก็จะสร้างเซลล์สุขภาพดีชุดใหม่ขึ้นมาแทนที่ ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไกลโคลิคอยู่ เช่น โฟมล้างหน้า
เซรั่ม เซรั่มหน้าใส ครีมบำรุงผิวหน้า จนไปถึงมาส์กบำรุงผิวหน้า
ข้อดีของ Glycolic Acid
- ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ
- ช่วยให้ผิวดูโกลว์ กระจ่างใส ใบหน้าไม่หมองคล้ำ
- ช่วยลดริ้วรอย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยทำให้รูขุมขนดูเล็กลง
- ผิวไม่อุดตัน ใบหน้าดูเรียนเนียนมากยิ่งขึ้น
- สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว เพราะเป็น Humectant ที่ช่วยดึงความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิวได้
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินบนผิวได้ดี
ระดับความเข้มข้นของ Glycolic Acid
Glycolic Acid มีความเข้มข้นหลายระดับขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ หากเปรียบเทียบกรณีการใช้ Glycolic Acid โดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อผลัดเซลล์ผิว ความเข้มข้นจะสูงเพราะความถี่ในการใช้จะน้อย แต่หากเป็นกรณีที่ใช้เป็นประจำต่อเนื่องที่บ้านทุกวัน ความเข้มข้นน้อย จะเหมาะต่อการใช้ซ้ำเป็นประจำทุกวัน ด้วยผลลัพธ์ที่เท่ากันเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง
5 เรื่องควรรู้ ก่อนเริ่มใช้ Glycolic Acid
การทำงานของ Glycolic Acid คือ การทำงานที่ช่วยนำสิ่งสกปรก เซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิว แต่ยังคงความชุ่มชื้นและน้ำมันบนผิวเอาไว้ เพื่อให้เข้าใจ มาทำความรู้จัก 5 เรื่องควรรู้ ก่อนเริ่มใช้ Glycolic Acid กันดีกว่า เพราะถึงแม้ไกลโคลิค จะมีคุณสมบัติที่ดีมาก แต่ก็ต้องมีความระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกัน
1. ผิวแพ้ง่าย ก็ใช้งานได้
คนที่มีผิวระคายเคืองง่าย ผิวแพ้ง่าย ก็สามารถใช้ไกลโคลิคได้ เพียงแค่ควรระมัดระวังในการใช้เพิ่มขึ้นอีกนิด ห้ามลืมทดลองบนผิวก่อนใช้ และแนะนำให้เริ่มใช้จากความเข้มข้นต่ำ สัปดาห์ละครั้งก่อน หากไม่แพ้ ไม่แสบ และไม่มีการระคายเคือง จึงสามารถใช้ได้ตามปกติ
2. ความเข้มข้นของการใช้งาน
ทุกครั้งที่มีการผลัดเซลล์ผิวบนใบหน้า ต้องให้เวลาสร้างเซลล์ผิวใหม่ด้วย ก่อนใช้ควรเช็คให้ดีว่า Glycolic Acid ที่ใช้มีความเข้มข้นอยู่ที่เท่าไหร่ หากปกติไม่ค่อยได้ผลัดเซลล์ผิว แนะนำให้เริ่มใช้อาทิตย์ละ 1 ครั้งก่อน เพื่อค่อย ๆ ปรับให้ผิวคุ้นชินหากผิวรับไหวอาจเพิ่มความถี่ให้มากขึ้น หรือ ปรับใช้ตัวที่ความเข้มข้นเพิ่มขึ้นก็ได้
3. สิ่งที่ควรเลี่ยงและระวัง การใช้ Glycolic Acid
เช็คการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวอื่น ๆ ว่าไม่ได้มีการซ้ำซ้อนกันจนเกินไป อย่าง สครับขัดผิว หรือส่วนผสมในกลุ่ม AHA เช่น Mandalic acid, Lactic Acid / BHA เช่น Salicylic Acid / Retinol เป็นต้น ถ้ามีตัวอื่น อาจเว้นระยะ ใช้สลับสัปดาห์ สลับวัน หรือสลับเช้าเย็นก็ได้
4. อย่าลืมทาครีมกันแดด
เมื่อมีการผลัดเซลล์ผิว ผิวของเราอาจบางลงและมีความไวต่อแสงมากขึ้น การทา
กันแดดเป็นประจำทุกวันจึงถือเป็นกฎเหล็กอันดับ 1 ถึงแม้เราจะไม่ได้ออกจากบ้านก็ตาม หลายคนคิดว่าอยู่ในร่ม ไม่ทากันแดดก็ได้ แต่ทั้งแสงและรังสี UV ยังสามารถทะลุผ่านกระจกเข้ามาทำร้ายผิวเราได้เหมือนเดิม ถ้าไม่อยากให้การอัพผิวใส กลายเป็นผิวแห้ง แสบ หมองคล้ำกว่าเดิม รีบหากันแดดมาเตรียมรอไว้เลย
5. การระคายเคืองต่อผิว
เมื่อใช้ Glycolic Acid อาจรู้สึกยิบ ๆ บนผิวและแดงเล็กน้อยเป็นอาการปกติ แต่ไม่ควรถึงขั้นแสบ คัน ผิวกร้าน หรือเกิดเป็นผด ผื่นเยอะ ๆ ถ้ารู้สึกแบบนี้อาจแปลว่าคุณกำลังแพ้หรือผิวระคายเคืองมาก เพราะใช้ในความเข้มข้นที่สูงเกินที่ผิวรับไหว แนะนำให้หยุดใช้และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมทันที
Glycolic Acid ถือเป็นอีกหนึ่งส่วนผสมที่มีประโยชน์ในการดูแลผิวมาก ๆ ถ้าเรารู้วิธีใช้ให้ดี ใช้ให้เป็น ผิวที่เนียน ใส ไร้จุดด่างดำอยู่ไม่ไกลจากตัวเราแน่นอน สุดท้ายนี้ขอขอบคุณบทความดี ๆ จาก jeban.com ที่ให้ความรู้เรื่อง Glycolic Acid สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้
ที่นี่