ใครที่เป็นสาวกลอรีอัล ปารีสกันอยู่แล้ว จะรู้เลยว่าผลิตภัณฑ์ของเขาคือดีทุกรุ่น โดยเฉพาะ L'Oréal Paris UV Defender Invisible Resist SPF50+ PA++++ หรือที่รู้จักกันในชื่อ กันแดดล่องหน เรียกได้ว่าเป็นไอเท็มปกป้องผิวจากแสงแดดที่ดีที่สุดของลอรีอัล ปารีสเลยก็ว่าได้ แต่เอ๊ะ มีใครสังเกตไหมว่า รุ่นนี้เขาแอบเปลี่ยนชื่อเล็กน้อยจาก “อินวิซิเบิ้ล ฟลูอิด” เป็น “อินวิซิเบิ้ล รีซิส” แล้วนะ แถมยังเปลี่ยนโฉมใหม่แบบสวยขึ้นจนต้องตะลึง ด้วยการเปลี่ยนแพคเกจให้สวยและพรีเมียมขึ้น และที่สำคัญสำหรับใครที่กังวลว่าสูตรของรุ่นนี้จะเปลีั่ยนไป บอกเลยว่ายังเหมือนเดิม ส่วนผสมยังเต็มแน่น ทา 1 ได้ถึง 3 ไม่เปลี่ยนไปจากเดิม เดี๋ยวเราจะมาย้ำถึงความปังกันอีกรอบ ว่าสูตรนี้มันเริ่ดยังไง ทำไมถึงได้เป็นตัวท็อป
3 ความปังที่อยู่ใน L'Oréal Paris UV Defender Invisible Resist SPF50+ PA++++
อย่างที่หลายคนรู้กันดีอยู่แล้วว่า L'Oréal Paris UV Defender Invisible Resist SPF50+ PA++++ นั้นมีจุดเด่นคือ การปกป้องผิวจากรังสี UV ได้อย่างครอบคลุม แถมยังช่วยเรื่องผิวแบบสุด ๆ ทั้งการบำรุงผิวและตอนแต่งหน้า เพราะ ไม่รบกวนเมคอัพ ทาแล้วไม่ทิ้งคราบ ปกป้องผิวไม่ให้แก่ก่อนวัย ป้องกันจุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ ครบเครื่องสุด ๆ แต่วันนี้ เราจะพามาเจาะลึกกว่าเดิม กับ 3 ความปังที่อยู่ใน Invisible Resist หลอดนี้กัน
𝗨𝗩 𝗙𝗶𝗹𝘁𝗲𝗿𝘀
ในส่วนของสารป้องกันแสงแดด UV Filters ยังคงเป็น Broad Spectrum ที่ให้การปกป้องผิวครอบคลุมรังสี UVA และ UVB แบบ SPF50+ PA++++ ด้วยส่วนผสมของสารที่ป้องกันแสงแดด 6 ชนิด ประกอบไปด้วย
- Uvinul T 150 : ปกป้องผิวจากรังสี UVB และมีความเสถียรสูงมาก
- Octisalate : ปกป้องผิวจากรังสี UVB พร้อมช่วยเสริมฤทธิ์กันน้ำได้
- Avobenzone : ปกป้องผิวจากรังสี UVA
- Tinosorb S : ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB มีความเสถียรสูง สามารถช่วยเพิ่มความเสถียรให้สารกันแดงแดดที่ไม่ค่อยเสถียรอย่าง Avobenzone ได้
- Mexoryl XL สารป้องกันแสงแดดสิทธิบัตรเฉพาะของ L'Oreal ที่ปกป้องผิวได้ครอบคลุมทั้งช่วง UVA และ UVB สามารถละลายได้ในน้ำมัน จึงช่วยเสริมฤทธิ์กันน้ำ
- Mexoryl SX : ทำงานร่วมกันกับ Mexoryl XL มี Synergetic Effect ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้มากขึ้น ลดโอกาสเกิดภาวะคล้ำแดด และผิวแก่ก่อนวัยจาก Photoaging ได้
Netlock Technology
นอกจากนี้ ยังมี Netlock Technology เอกสิทธิ์เฉพาะของ L’Oreal Paris ที่เป็นเสมือนฟิล์มเกาะบนผิว โดยใช้สาร Polymer ที่ชื่อว่า C12-22 Alkyl Acrylate/Hydroxyethylacrylate Copolymer ซึ่งเป็นสารก่อเจล (Film Former) และสามารถห่อหุ้มสารที่ปกป้องแสงแดดไว้ในหยดน้ำมันขนาดเล็ก (Micro-Droplets) ช่วยเพิ่มความเสถียรให้กับสารป้องกันแสงแดด ทำให้สามารถปกป้องผิวได้ยาวนานขึ้น ปกป้อง x3 กันน้ำ กันเหงื่อ กันมลภาวะ PM2.5 และยังใช้ได้ทุกสภาพผิว พอทาลงบนผิว จะสร้างเป็นฟิล์มบาง ๆ ที่มองไม่เห็น สามารถกระจายสารป้องกันแสงแดดได้ทั่วกันทั้งผิว ไม่ทิ้งความมันหรือความเหนอะหนะ
𝗔𝗰𝘁𝗶𝘃𝗲 𝗜𝗻𝗴𝗿𝗲𝗱𝗶𝗲𝗻𝘁𝘀
มี Active Ingredients ที่ช่วยบำรุงผิวและปกป้องแสงแดด ได้แก่
- Tocopherol หรือ Vitamin : สารที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากจากแสงแดดและมลภาวะ ลดโอกาสเกิดผิวเสีย ผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ และริ้วรอยก่อนวัย
- สารให้ความชุ่มชื้นผิว : Sodium Hyaluronate และ Glycerin สารในกลุ่ม humectant ที่สามารถดึงน้ำเข้าสู่ผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดโอกาสผิวแห้งและปลอบประโลมผิวที่โดนแสงแดด
- สารในกลุ่ม Silica และ Perlite : ช่วยลดความมันส่วนเกินบนผิว ลดโอกาสเกิดสิว คนที่ผิวมันเป็นสิวสามารถใช้ได้ เพราะผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-Comedogenic) นอกจากนี้ Silica และ Perlite ยังช่วยให้มีเนื้อสัมผัสบางเบา แมทท์กับเนื้อผิว
บอกสเต็ปการใช้ Skincare Routine ได้มีประสิทธิภาพ
Step 1 : Cleansing
เริ่มที่ Cleansing เป็นขั้นตอนนี้สำคัญหากเป็นใครที่แต่งหน้า หรือใช้ครีมกันแสงแดดระหว่างวัน ควรใช้คลีนซิ่งหรือน้ำมันล้างเครื่องสำอางที่เหมาะกับสภาพผิว เพื่อลบเมคอัพ สิ่งสกปรก และฝุ่นละอองที่เกาะอยู่บนผิวหน้า
Step 2 : Cleanser
Cleanser หรือโฟมล้างหน้า เป็นการทำความสะอาดหน้าให้หมดจดกว่าเดิม ใช้ในตอนเช้าและเย็น เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินที่สะสมบนผิวหน้า
Step 3 : Toner หรือ Essence
หลังจากล้างหน้าเสร็จ ใช้ Toner หรือ Essence เพื่อปรับสมดุลผิวและเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไปช่วยกระชับรูขุมขนและขจัดสิ่งสกปรกที่อาจหลงเหลือ ส่วนเอสเซนส์นั้นจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวให้ดูสดใสขึ้น
Step 4 : Serum หรือ Ampoule
สเต็ปต่อไป บำรุงด้วย Serum หรือ Ampoule ในช่วงเช้าและเย็น เพื่อให้การบำรุงล้ำลึกตรงตามปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข เช่น การลดเลือนริ้วรอย ลดจุดด่างดำ หรือเพิ่มความชุ่มชื้น
Step 5 : Moisturizer
ใช้ครีม Moisturizer ในตอนเช้าและเย็นเพื่อป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิว ครีมบำรุงยังช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวและป้องกันการแห้งกร้าน
Step 6 : Sunscreen
ปิดท้ายด้วยการปกป้องผิวจากแสงแดดด้วย Sunscreenเป็นขั้นตอนสำคัญในตอนเช้าที่ขาดไม่ได้ เพราะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ที่เป็นสาเหตุของการเกิดจุดด่างดำ ฝ้า และริ้วรอยก่อนวัย ควรทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงเพื่อให้ผิวได้รับการปกป้องอย่างต่อเนื่อง
ใครยังไม่เคยลอง L'Oréal Paris UV Defender Invisible Resist SPF50+ PA++++ บอกเลยว่าต้องลองแล้วนะ เพราะช่วยปกป้องแสงแดดได้ดีจริง ๆ รับรองว่าติดใจแน่นอน
ที่มา
บทความจาก Skindex